แนวคิดของกลุ่มโครงสร้างของจิต
(Structuralism)
กลุ่มโครงสร้างของจิตใช้คำในภาษาอังกฤษว่า Introspective Psychology หรือบางทีเรียกกลุ่มโครงสร้างนิยม หรือ กลุ่มแนวความคิดโครงสร้าง หรือ แนวทัศนะโครงสร้างแห่งจิต ซึ่งมีชื่อเรียกหลายชื่อแต่ในที่นี้จะเรียกชื่อว่า กลุ่มโครงสร้างของจิต ซึ่งเกิดขึ้นในประเทศเยอรมัน เมื่อ ค.ศ.1879 มีรากฐานของแนวความคิดพื้นฐานเบื้องต้นจากแนวความคิดของนักปรัชญา คนสำคัญๆ หลายท่าน เช่น
แนวความคิดของพลาโต (Plato) อธิบายว่า มนุษย์แตกต่างไปจากสัตว์ตรงที่มนุษย์ประกอบด้วยจิต (mind) ซึ่งทำหน้าที่ในการสร้างแนวความคิด (Idea)
เพลโต
แนวความคิดของอริสโตเติล(Aristotle) อธิบายเกี่ยวกับเรื่องชีวิตจิตใจ (Mental Life)
อริสโตเติล
ในเวลาต่อมามีนักจิตวิทยาที่สนใจศาสตร์ทางด้านจิตวิทยาและได้สร้างห้องทดลอง ทางจิตวิทยาขึ้นเขาคือ วิลเฮล์ม แมกซ์ วู้นท์ (Wilhelm Max Wundt) ผู้ให้กำเนิดห้องปฏิบัติการหรือห้องทดลองทางจิตวิทยา (Psychological Laboratory) เป็นแห่งแรก และเขาได้ฉายาว่าเป็น “บิดาแห่งจิตวิทยาการทดลอง” ต่อมามีนักจิตวิทยาชื่อ กัสแตฟ เฟชเนอร์ ( Gustav Fechner ) ได้สนใจวิธีการทางจิตวิทยา และได้เป็นผู้กำหนดระเบียบและวิธีการทดลองทางจิตวิทยา (Experimental method) มาใช้กับงานทางจิตวิทยา เขาได้นำเอาความรู้ความเข้าใจวิชาฟิสิกส์มาใช้ในการทดลองค้นคว้ากับวิชา จิตวิทยาซึ่งเรียกว่าไซโคฟิสิกส์ (Psychophysics) แต่อย่างไรก็ตามจิตวิทยากลุ่มนี้ก็ยังไม่ได้เป็นที่ยอมรับว่าเป็นวิทยา ศาสตร์อย่างสมบูรณ์นัก เพียงแต่ยอมรับกันว่าเป็นกลุ่มแรกที่มีแนวคิดเป็นวิทยาศาสตร์และยังถือว่า เป็นกลุ่มจิตวิทยาที่อาศัยแนวความคิดและระเบียบวิธีการศึกษาตามแบบปรัชญา (Philosophical-Psychology) อยู่เพราะแนวความคิดส่วนใหญ่ของกลุ่มโครงสร้างทางจิต (Structuralism) ได้อาศัยระเบียบวิธีการตรวจสอบตนเองหรือการสำรวจตนเองหรือ ( Introspection method ) หรือระเบียบวิธีการแบบอัตนัย ( Subjective method )
การใช้วิธีตรวจสอบตนเองหรือการสำรวจตนหรือการพินิจภายใน เป็นเครื่องมือที่ศึกษาค้นคว้าหาความจริงทางจิตวิทยาไม่สู้จะได้ผลดีนัก เพราะว่าผู้ถูกทดสอบอาจตอบตามสิ่งเร้ามากกว่าตอบตามความรู้สึกที่ตนได้ สัมผัสจริงๆ ซึ่งเรียกวิธีนี้ว่า Stimulus - Error แต่กลุ่ม Gestalt Psychology ไม่เห็นด้วยกับกลุ่ม Structuralism ที่ว่าจิตประกอบด้วยส่วนต่างๆ จึงให้ชื่อกลุ่มนี้ว่ากลุ่ม Mortar & Brick Psychologist ซึ่ง Mortar แปลว่า ซีเมนต์ที่ผสมกับทรายได้ส่วนสัดแล้ว Brick หมายถึง อิฐ พวกเหล่านี้ประกอบขึ้นเป็นตึกเหมือนจิตประกอบขึ้นจากส่วนต่าง ๆ
Wilhelm Max Wundt ผู้นำกลุ่ม Structuralism ได้นำเอาแบบของวิชาเคมีมาใช้ในวิชาจิตวิทยาและพยายามนำแนวคิดของนักเคมีซึ่ง เน้นหนักในเรื่อง “องค์ประกอบของจิต” เทียบกับองค์ประกอบของธาตุต่างๆ ของเคมี เช่น ส่วนประกอบที่เล็กที่สุดของสาร ซึ่งในเมื่อมวลสารทั้งหลายสามารถนำมาวิเคราะห์ออกได้เป็นอนุภาคที่เล็กมากจน เรามองไม่เห็น ดังนั้นจิตของคนนั้นก็น่าจะแยกให้เห็นจริงๆ ได้เช่นกันและเขามีแนวคิดว่า จิต (mind) มีองค์ประกอบอิสระต่าง ๆ รวมกันเป็นโครงสร้างแห่งจิต (Faculty of mind) จิตมีโครงสร้างที่มาจากองค์ประกอบทางเคมี โดยมีส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องกันมารวมกันเป็นจิต เรียกว่า “จิตธาตุ” ( Mental Elements ) นั่นคือนักจิตวิทยาพยายามที่จะค้นให้พบว่า จิต (mind) ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง หัวข้อสำคัญที่จิตวิทยากลุ่มนี้ มุ่งศึกษาอย่างแท้จริงคือ องค์ประกอบที่สำคัญของจิตในส่วนที่เรียกว่า จิตสำนึก (The Contents of Consciousness) โดยเฉพาะเท่านั้น ดังนั้นกลุ่ม Structuralism จึงจัดอยู่ในกลุ่มจิตวิทยา ที่เรียกว่ากลุ่มจิตนิยม ( Mentalism ) นี้ด้วย
ความเชื่อที่สำคัญเบื้องต้น (Basic assumption)ของกลุ่มโครงสร้างทางจิต
ความเชื่อที่สำคัญเบื้องต้นที่เป็นมูลเหตุให้นักจิตวิทยากลุ่ม Structuralism มีความสนใจมุ่งศึกษาเรื่องจิตธาตุ คือ เชื่อว่ามนุษย์ประกอบด้วยสองส่วนคือ ร่างกาย (body) และจิตใจ(mind) ซึ่งทั้งร่างกายและจิตใจต่างก็เป็นอิสระแก่กัน ต่างก็ทำงานสัมพันธ์กัน ดังนั้นพฤติกรรม(Behavior) ของบุคคลจึงเกิดจากการกระทำของร่างกาย ซึ่งการกระทำของร่างกายนั้นย่อมเกิดจากการควบคุมและสั่งการของจิตใจนั่นเอง แนวความคิดนี้เกิดจากเรื่องจิตธาตุนั่นเองแต่เนื่องจากจิตวิทยากลุ่ม Structuralism ได้พยายามแยกองค์ประกอบของจิตหรือจิตธาตุออกมาพิจารณาเป็นส่วนย่อยๆ บางครั้ง นักจิตวิทยาทั่วๆ ไป จึงเรียกกลุ่มนี้อีกอย่างว่า “จิตวิทยาที่ว่าด้วยองค์ประกอบของจิต” ( Faculty Psychology )
แนวคิดกลุ่มโครงสร้างของจิต
กลุ่มโครงสร้างของจิตเชื่อว่าโครงสร้างของจิตประกอบด้วย จิตธาตุ (Mental Elements) ซึ่งจิตธาตุประกอบด้วยธาตุ 3 ชนิด คือ 1. การรับสัมผัส (Sensation) 2. ความรู้สึก (Feeling) (ภายหลังนักจิตวิทยาชื่อ Titchener ได้เพิ่มขึ้นมาอีกอย่างคือ จินตนาการ) 3. จินตนาการหรือมโนภาพ (Image) เมื่อจิตธาตุทั้ง 3 ชนิดนี้มาสัมพันธ์กันภายใต้สถานการณ์แวดล้อมที่เหมาะสมก็จะก่อให้เกิดรูปจิต ผสมขึ้นและจิตผสมนี้เองทำให้บุคคลเกิด ความคิด(Thinking) อารมณ์ (Emotion) ความจำ (Memory)และการหาเหตุผลหรือสาเหตุ (Reasoning) และอื่นๆ เป็นต้น โดยเป็นแบบเดียวกันกับทางเคมีที่โฮโดรเจนเมื่อรวมตัวกับออกซิเจนภายใต้สัด ส่วนที่เหมาะสมและความกดดันที่พอดีก็จะได้เป็นน้ำนั่นเอง
แนวคิดจิตวิทยากลุ่มโครงสร้างของจิต(Structuralism) มีอิทธิพลและบทบาทสำคัญคือ
1. ความเชื่อในเรื่ององค์ประกอบของบุคคลซึ่งนักจิตวิทยายอมรับว่าบุคคลประกอบ ด้วยร่างกายและจิตใจ โดยจิตใจยังแบ่งย่อยๆ ได้ เช่น ส่วนที่เกี่ยวกับการคิด ส่วนที่เกี่ยวกับความจำส่วนที่เกี่ยวกับความรักสวยรักงาม เป็นต้น
2. การยอมรับเอาระเบียบวิธีการที่ว่าด้วย การแยกจิตออกฝึกเป็นส่วน ๆ (Method of Mental of Formal Discipline) สามารถนำมาใช้ในการจัดการศึกษา นักการศึกษาเชื่อว่าบุคคลมีลักษณะอย่างเดียวกับวัตถุ (Material) หรือเครื่องจักรกลหากต้องการฝึกจิตธาตุส่วนใดให้มีความสามารถต้องฝึกฝน เรื่องนั้นๆ โดยเฉพาะเช่น การฝึกทักษะด้านความจำบุคคลก็ต้องฝึกให้ท่องจำ ด้านการคิดต้องให้เรียนวิชาที่ส่งเสริมการคิดต่างๆ ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์เป็นต้น ทั้งนี้เพราะความเชื่อที่ว่าจิตของคนเราแยกออกเป็นส่วนๆ ดังนั้นถ้าต้องการให้ส่วนไหนมีความสามารถ มีทักษะทางใดก็ต้องมุ่งฝึกส่วนนั้นมากเป็นพิเศษบุคคลก็จะมีความชำนาญด้าน นั้นๆ ตามที่ต้องการ อย่างในปัจจุบันมีการฝึกคณิตคิดเร็วใช้ชื่อเรียกต่างกันเช่น จินตคณิต เป็นต้น
สืบค้นโดย นายอนุวงศ์ อารีศิริไพศาล
แต่งบล๊อกโดย นายศรุต วัฒนกุลศิลปชัย
แต่งบล๊อกโดย นายศรุต วัฒนกุลศิลปชัย
No comments:
Post a Comment