Monday, August 5, 2013

แนวคิด กลุ่มจิตวิทยาเกสตอล (Gestalt  Psychology)  
              กลุ่มจิตวิทยาเกสตอล  แนวความคิดกลุ่มนี้  เกิดในประเทศเยอรมันนีราวปี  ค.ศ. 1912  คำว่า  Gestalt  เป็นภาษาของเยอรมัน  แปลว่า  “โครงรูปแห่งการรวมหน่วย”  ผู้นำของกลุ่มนี้  คือ  แมกซ์  เวิทโฮเมอร์    ( Max  Wertheimer 1880 – 1943 )  และมีผู้ร่วมงานคือ  เคิท  คอฟก้า   ( Kurt  Koffka 1886 – 1941 )  วูล์ฟแกง เคอเลอร์  ( Wolfkang  Kohler )  ภายหลังบุคคลเหล่านี้ได้อพยพมาอยู่ในอเมริกา  แนวความคิดที่สำคัญของนักจิตวิทยากลุ่มนี้คือ  การพิจารณา   พฤติกรรมหรือประสบการณ์ของคนเป็นส่วนรวมซึ่งส่วนรวมนั้นมีค่ามากกว่าผลบวก ของส่วนย่อย ๆ  ต่าง ๆ  มารวมกัน  เช่น  คนนั้นมีค่ามากกว่าผลบวกของส่วนย่อยต่าง ๆ  เช่น  แขน  ขา  ลำตัว  สมอง  เป็นต้น
วูล์ฟแกง เคอเลอร์

             แนวคิดของกลุ่มนี้เชื่อว่า ในด้านการรับรู้ของบุคคลนั้นบุคคลจะลักษณะในรูปของการรับรู้ในส่วนรวม  (The  whole)  เช่น  สนามหญ้าเรามองเห็นเป็นสนาม  เพราะเราไม่มองต้นหญ้าแต่ละต้นที่มาอยู่รวมกัน  แต่เรามองพื้นที่และรูปร่างทั้งหมด

               คำว่าเกสตอล  (Gestalt)  มาจากภาษาเยอรมัน  ซึ่งหมายถึงส่วนร่วมทั้งหมดกลุ่มนี้มีแนวคิดว่า  การเรียนรู้เกิดได้จากการจัดสิ่งเร้าต่าง ๆ  มารวมกัน  เริ่มต้นด้วยการรับรู้โดยส่วนรวมก่อน  แล้วจึงจะสามารถแยกวิเคราะห์เรื่องราวเรียนรู้ส่วนย่อยที่ละส่วนต่อไป  (Field  Theory)  และยังคงใช้หลักการเดียวกัน  นั่นก็คือ  การเรียนรู้ของบุคคลจะเป็นไปได้ด้วยดีและสร้างสรรค์ถ้าเขาได้มีโอกาสเห็น ภาพรวมทั้งหมดของสิ่งที่จะเรียนเสียก่อนเมื่อเกิดภาพรวมทั้งหมดแล้ว  ก็เป็นการง่ายที่บุคคลนั้นจะเรียนสิ่งที่ละเอียดปลีกย่อยต่อไป

               แมกซ์  เวิทโฮเมอร์    (Max  Wertheimer)  และมีผู้ร่วมงานคือ  เคิท  คอฟก้า   (Kurt  Koffka)  วูล์ฟแกงเคอเลอร์  (Wolfkang  Kohler)ได้คิดค้นไฟฟ้าที่อยู่นิ่งๆ ดูเหมือนเคลื่อนไหวได้วิธีการของเขาคือเปิดหลอดไฟฟ้าไว้ 3 ดวง หลอดไฟ 2 ดวงเปิดไว้ตลอดเวลาแต่อีกดวงหนึ่งเปิดและเปิดในเวลาห่างกันเล็กน้อยทำเช่น นี้ซ้ำๆ ภาวะการณ์นี้ทำให้เราเห็นเหมือนไฟฟ้าเคลื่อนไหวได้เรียกว่าPhi phenomenon (ปัจจุบันนี้เรียกว่า apparent motion)จีราภา เต็งไตรรัตน์(2547: 16)
 แมกซ์  เวิทโฮเมอร์ 

              นักจิตวิทยาทั้งสามท่านอธิบายว่า การให้คำอธิบายการเคลื่อนไหวได้ของไฟฟ้าในการทดลองดังกล่าวไม่สามารถอธิบาย โดยแยกอธิบายเฉพาะเพียงเกิดจากหลอดไฟ 2 ดวงหรือ 1 ดวง แต่เป็นการรับรู้หลอดไฟทั้งสามดวงพร้อมกันทั้งหมดซึ่งเรียกในภาษาเยอรมันว่า “Gestalt” 

              ปัจจุบันได้มีผู้นำเอาวิธีการเรียนรู้ของกลุ่มเกสตัลท์มาใช้อย่างกว้าง ขวางโดยเหตุที่เชื่อในผลการศึกษาค้นคว้าที่พบว่า  ถ้าให้เยาวชนได้เรียนรู้โดยหลักของเกสตอลแล้ว  เด็กเหล่านี้จะมีสติปัญญาและความคิดสร้างสรรค์และความรวดเร็วในการเรียนรู้ เพิ่มขึ้น หลักสำคัญของการเรียนรู้ของแนวคิดจิตเกสตอล  ประกอบด้วย การรับรู้และการหยั่งเห็น  ดังอธิบายคือ
               1.  การรับรู้ ( Perception )  หมายถึง  การแปลความหมายหรือการตีความจากสิ่งเร้าที่สัมผัส  การรับรู้นี้มีองค์ประกอบที่สำคัญ  คือ 
                     1.1  ภาพ  ( Figure )  หมายถึง  ส่วนสำคัญที่ต้องการเน้นให้เกิดการรับรู้
พื้น ( Ground )  หมายถึง  ส่วนประกอบที่ทำให้ภาพชัดเจน
ต่อมาในระยะหลังแนวคิดจิตวิทยาเกสตอลจัดเป็นแนวคิดที่มีอิทธิพลต่อ จิตวิทยาหลายสาขา เช่น จิตวิทยาการบำบัด จะใช้แนวคิดของจิตวิทยาเกสตอลเป็นอย่างมาก วิธีการที่ใช้คือ คือ การสังเกตแบบปรากฏการณ์ หรือเรียกว่า Phenomenology เป็นการพิจารณาจากสิ่งที่เป็นธรรมชาติที่ปรากฏให้เราเห็น  อย่างไรก็ดีแนวคิดจิตวิทยาเกสตอลสนใจเรื่อง การศึกษาพฤติกรรมมนุษย์จะศึกษามนุษย์ทั้งหมดที่เป็นตัวเขา
               2.  การหยั่งรู้  (Insight)  หมายถึง  การเรียนรู้หรือแก้ปัญหาได้โดยการตระหนักรู้ด้วยตนเองอย่างทันทีทันใด  สามารถมองเห็นแนวทางในการแก้ปัญหาได้ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการซึ่งความสามารถ ในการหยั่งรู้ของบุคคลขึ้นอยู่ประสบการณ์ที่เคยมีมาก่อนซึ่งมีลักษณะใกล้ เคียงกับปัญหาที่ต้องขบคิดนั้น

สืบค้นโดย นางสาวอัจฉรา ชูบรรจง
แต่งบล๊อกโดย นายศรุต วัฒนกุลศิลปชัย

No comments:

Post a Comment