Sunday, August 4, 2013

งานวิจัยเกี่ยวกับงานการบริหารการศึกษาทั้ง 5 ประเภท
มีผู้ทำการวิจัยเกี่ยวกับงานการบริหารการศึกษาทั้ง 5 ประเภทนี้ไว้มากพอสมควร  จึงขอนำมายกตัวอย่างไว้ดังนี้
จากการวิจัยเรื่อง ปัญหาการบริหารงานในโรงเรียนโครงการขยายโอกาสทางการศึกษา ขั้นพื้นฐานที่รับนักเรียนชาวเขา สังกัดสำนักการประถมศึกษาจังหวัด : การศึกษาเฉพาะกรณีจังหวัดน่าน  ของ กุลเชษฐ์  แก้ววี  พบว่า  โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาที่รับนักเรียนชาวเขา  สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดน่าน  มีปัญหาการบริหารงานทั้ง 6 ด้าน  ปัญหาที่มีผู้ระบุไว้สูงสุดและรองลงมา 2 อันดับ  มีดังนี้

1) ปัญหาการบริหารงานวิชาการ ได้แก่ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนต่ำ สื่อไม่เพียงพอและได้รับช้า  และการจัดการเรียนการสอนทำได้ไม่เต็มที่ กับหนังสือเรียนได้รับช้า  
2) ปัญหาการบริหารงานกิจการนักเรียน  ได้แก่  นักเรียนออกกลางคัน นักเรียนขาดเรียน  และนักเรียนมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม  
3) ปัญหาการบริหารงานบุคลากร  ได้แก่ขาดครูในภาพรวม ขาดแคลนครูบางสาขา  และครูขาดความมั่นใจในการสอน  
4) ปัญหาการบริหารงานธุรการและการเงิน  ได้แก่  ได้รับครุภัณฑ์ล่าช้า ได้รับไม่ครบ ครุภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐานและไม่ตรงกับความต้องการการเบิกจ่ายเงินล่าช้า  และงานธุรการมีมากเกินไป  
5) ปัญหาการบริหารงานอาคารสถานที่  ได้แก่  จำนวนห้องเรียนและห้องพิเศษไม่เพียงพอ อาคารเรียนและห้องเรียนมีขนาดเล็กไม่เหมาะสมกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ห้องน้ำห้องส้วมไม่เพียงพอ  และไม่มีสนามกีฬา  
6) ปัญหาการบริหารงานความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชน  ได้แก่  ผู้ปกครองไม่สนใจการศึกษาของนักเรียน ชาวบ้านไม่ให้ความร่วมมือ ผู้บริหารไม่มีเวลาอยู่โรงเรียน  และการติดต่อสื่อสารลำบากยุ่งยาก  (งานวิจัยเรื่องนี้  แยกการบริหารอาคารสถานที่ออกจากการบริหารงานธุรการ  งานบริหารการศึกษาจึงมี 6 ด้าน)

                จากวิทยานิพนธ์ที่ศึกษางานบริหารการศึกษาของวิทยาลัยครูตามภาคต่างๆ คือ งานบริหารการศึกษาของวิทยาลัยครูในภาคใต้ ของ ธงชัย มาศสุพงศ์, ในภาคกลาง ของ สุชาดา รัตนวิจิตร, ในกรุงเทพมหานคร ของ สัญญา สุรพันธุ์, ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของน้อย สุปิงคลัด  พบว่า ผู้บริหารในวิทยาลัยครูต่างๆค่อนข้างจะเห็นแตกต่างกัน ข้อที่ตรงกันคือ งานด้านความสัมพันธ์กับชุมชน งานนี้ทำมากเป็นอันดับห้า ซึ่งเป็นอันดับที่น้อยที่สุดในจำนวนงานทั้งหลาย  เกี่ยวกับงานวิชาการ
ผู้บริหารวิทยาลัยครูค่อนข้างจะเห็นตรงกันอยู่มาก คือ งานนี้ทำมากเป็นอันดับสาม  ส่วนอาจารย์ในวิทยาลัยครูต่างๆมีความเห็นตรงกันในสามอันดับแรก  คือผู้บริหารทำงานธุรการและการเงินมากเป็นอันดับหนึ่ง  ทำงานกิจการนักศึกษามากเป็นอันดับสอง  และทำงานวิชาการมากเป็นอันดับสาม

                จากการวิจัยเรื่อง งานบริหารการศึกษาของโรงเรียนมัธยมศึกษาในเขตศึกษาทั้ง 12 เขต และกรุงเทพมหานคร ของนิสิตภาควิชาบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า  งานบริหารการศึกษาของโรงเรียนมัธยมศึกษาทั้ง 12 เขต และกรุงเทพมหานคร  ให้ความสำคัญต่อการบริหารงานธุรการการเงินและบริการ เป็นอันดับที่หนึ่ง ถึง 6 เขต  รองลงมาคือ การบริหารงานบุคคล เป็นอันดับหนึ่ง 5 เขต  การบริหารกิจการนักเรียนเป็นอันดับหนึ่ง 3 เขต  ส่วนการบริหารงานวิชาการ ไม่มีอันดับหนึ่งเลย  และการบริหารงานด้านความสัมพันธ์กับชุมชนเป็นอันดับห้าทั้ง 13 เขต  จึงเห็นได้ว่า โรงเรียนมัธยมศึกษา 13 เขต ให้ความสำคัญต่องานบริหารการศึกษาเรียงลำดับคือ  การบริหารงานธุรการ การเงิน และบริการ  การบริหารงานบุคคล  การบริหารกิจการนักเรียน  การบริหารงานวิชาการ  และการบริหารงานด้านความสัมพันธ์กับชุมชน

            จากการวิจัยเรื่อง การใช้เวลาในการบริหารของผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาในเขตศึกษา 11  ของ สมชาย  สุขชาตะ  นิสิตภาควิชาการบริหารการศึกษา  คณะครุศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  พบว่า การใช้เวลาของผู้บริหารในการบริหารงานทั้ง 5 ด้าน  ตามลำดับจากมากไปหาน้อย คือ  งานบริหารด้านวิชาการ (26.81 %)  งานบริหารด้านธุรการ การเงินและอาคารสถานที่ (22.11%)  งานบริหารบุคคล (21.67%)  งานบริหารด้านกิจการนักเรียน (15.74%)  งานบริหารด้านความสัมพันธ์กับชุมชน (13.66%)
                 จากการวิจัยเรื่อง งานบริหารการศึกษาโรงเรียนประถมศึกษาสังกัดกรมสามัญศึกษา  กระทรวงศึกษาธิการ ในภาคใต้  ของ เฉลิม  แช่มช้อย  พบว่า  ผู้บริหารการศึกษาที่ดำรงตำแหน่งครูใหญ่มีความคิดเห็นว่า  โรงเรียนได้ปฏิบัติงานในเกณฑ์มาก 3 ประเภท คือ  งานธุรการ การเงิน และบริการได้รับการปฏิบัติมากที่สุด  รองลงมาได้แก่ งานวิชาการ และงานบุคคล ตามลำดับ  ส่วนงานกิจการนักเรียนนั้นได้รับการปฏิบัติน้อย  และงานด้านความสัมพันธ์กับชุมชนได้รับการปฏิบัติน้อยที่สุด

จากการวิจัยเรื่อง การปฏิบัติงานของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดนครราชสีมา  ของ กนกพร  ทองเจือ  พบว่า  ในการบริหารการศึกษา 6 ด้าน คือ งานวิชาการ, บุคลากร, งานธุรการและการเงิน, งานอาคารสถานที่, งานกิจการนักเรียน และงานความสัมพันธ์กับชุมชน  ครูมีความเห็นต่อการปฏิบัติงานของผู้บริหารโรงเรียน โดยส่วนรวมทั้ง 6 ด้าน  อยู่ในระดับปานกลาง  ยกเว้นการปฏิบัติงานด้านธุรการและการเงินอยู่ในระดับมาก

          จากตัวอย่างงานวิจัยทั้งหมดนี้  ในภาพรวมจะพบว่า  การบริหารงานธุรการจะได้รับการปฏิบัติมากที่สุด  ส่วนการบริหารด้านความสัมพันธ์กับชุมชนจะได้รับการปฏิบัติน้อยที่สุด  อันที่จริงการบริหารการศึกษา เกี่ยวกับงานทั้ง 5 ด้านนี้ควรได้รับการปฏิบัติให้เท่าเทียมกัน  เพราะการบริหารการศึกษา เป็นการดำเนินงานของกลุ่มบุคคลเพื่อพัฒนาคนให้มีคุณภาพ  การที่จะพัฒนาคนให้มีคุณภาพได้นั้น  การบริหารงานวิชาการเป็นการจัดการเกี่ยวเรียนการสอน  ซึ่งมีส่วนในการพัฒนาคนให้มีความรู้ ความสามารถ มีความคิดและเป็นคนดี หรือพัฒนาคนให้เป็นคนที่มีคุณภาพได้นั้น  จะต้องมีการบริหารงานอีก 4 ด้านมาช่วยด้วย  เช่น การบริหารงานธุรการ คือจัดหาพัสดุครุภัณฑ์  จัดอาคารสถานที่ และอื่น ๆเพื่อช่วยให้การเรียนการสอนคล่องตัวขึ้น  การบริหารงานบุคคล ก็ต้องสรรหาครูที่มีคุณภาพมาสอน  ต้องพัฒนาครูให้มีคุณภาพยิ่งๆขึ้นไป  เพราะครูต้องมีคุณภาพ จึงจะพัฒนาคนให้มีคุณภาพได้  ส่วนการบริหารกิจการนักเรียน  ก็คือการปกครองนักเรียนให้เป็นคนดีมีวินัย  การจัดกิจกรรมเสริมให้นักเรียน  มีความรู้ ความสามารถและเป็นคนดียิ่งขึ้น  สำหรับการบริหารงานด้านความสัมพันธ์กับชุมชน ก็มีส่วนช่วยพัฒนาคนเช่นกัน  เช่น การให้นักเรียนฝึก งานในชุมชน  การช่วยแก้ปัญหาในชุมชน การเชิญบุคลากรมาให้ความรู้แก่นักเรียน  การประสานงานกับผู้ปกครองให้สนใจการศึกษาของนักเรียน เป็นต้น  จึงเห็นได้ว่าการบริหารงานทั้ง 5 ด้านต้องสัมพันธ์กัน ต้องดำเนินการไปพร้อมๆกันและเท่าเทียมกัน  การพัฒนาคนจึงจะมีคุณภาพ


ข้อมูลโดย ศาสตราจารย์หวน พินธุพันธุ์
ค้นหาข้อมูลและแต่งบล๊อกโดย ศรุต วัฒนกุลศิลปชัย

No comments:

Post a Comment